เราจะใช้ประโยคแบบนี้ เมื่อ
1. การกระทำนั้นเกิดขึ้นเป็นประจำ เป็นนิสัย หรือทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน ฯลฯ ซึ่งมักจะมีคำกริยาวิเศษณ์ (adverb) ต่อไปนี้ร่วมอยู่ด้วย คือalways (เสมอ)sometimes (บางที)every day (week, month, year …..) (ทุกวัน, สัปดาห์, เดือน, ปี …..)เช่นShe comes to school every day. (หล่อนมาโรงเรียนทุกวัน)I sometimes go to the movies with John. (บางทีผมก็ไปดูหนังกับ John)
2. เมื่อเหตุการณ์นั้น ๆ เป็นความจริงเสมอไป หรืออย่างน้อยก็เป็นความจริงขณะที่พูดประโยคนั้น เช่นThe earth moves round the sun. (โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์)We are students. (พวกเราเป็นนักเรียน)
การเติม s ที่ท้ายคำกริยา
1. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย o, ss, x, ch, sh ต้องเติม es เช่น
go ---> goes ไป
pass ---> passes ผ่าน
fix ---> fixes ซ่อมแซม, ติด
reach ---> reaches ถึง
wash ---> washes ล้าง, ซัก
2. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย y ให้พิจารณาดังนี้
2.1 ถ้าตัวอักษรที่อยู่หน้า y เป็นพยัญชนะต้องเปลี่ยน y เป็น i ก่อน แล้วจึงเติม es เช่น
try ---> tries พยายาม
cry ---> cries ร้องไห้
2.2 ถ้าตัวอักษรที่อยู่หน้า y เป็นสระ (a, e, i, o, u) ให้เติม s ได้ทันที เช่น
play ---> plays เล่นenjoy ---> enjoys สนุก, พอใจ
3. คำกริยาที่ไม่มีลักษณะพิเศษตามข้อ 1 และ 2 ให้เติม s ได้ทันที เช่น
walk ---> walks เดิน
run ---> runs วิ่ง
การเติม s ที่ท้ายคำกริยา
1. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย o, ss, x, ch, sh ต้องเติม es เช่น
go ---> goes ไป
pass ---> passes ผ่าน
fix ---> fixes ซ่อมแซม, ติด
reach ---> reaches ถึง
wash ---> washes ล้าง, ซัก
2. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย y ให้พิจารณาดังนี้
2.1 ถ้าตัวอักษรที่อยู่หน้า y เป็นพยัญชนะต้องเปลี่ยน y เป็น i ก่อน แล้วจึงเติม es เช่น
try ---> tries พยายาม
cry ---> cries ร้องไห้
2.2 ถ้าตัวอักษรที่อยู่หน้า y เป็นสระ (a, e, i, o, u) ให้เติม s ได้ทันที เช่น
play ---> plays เล่นenjoy ---> enjoys สนุก, พอใจ
3. คำกริยาที่ไม่มีลักษณะพิเศษตามข้อ 1 และ 2 ให้เติม s ได้ทันที เช่น
walk ---> walks เดิน
อาจารย์ไมในเว็บมีน้อยกว่าสมุดอ่ะ
ตอบลบ